|
|
หากความสำเร็จในการทำงานวัดค่าจากความมั่งคั่งในรายได้ คำถามที่จะเกิดขึ้นตามมา คือ สิ่งนี้ใช่ความสุขที่แท้จริงแล้วหรือ
|
|
|
|
|
|
ในโลกของการทำงาน ใครหลายคนก็ต่างหาทฤษฎีและกลยุทธ์แห่งความสำเร็จ มาใช้แก้ปัญหาและหาหนทางเพื่อความเจริญก้าวหน้า สรรหาเท่าไหร่ก็ยังไม่พบความสุขที่แท้จริง ลองนำแนวทางธรรมะไปลองปฏิบัติดู ไม่ต้องเคร่งให้เป๊ะ แต่ถ้าลองยึดไว้เป็นแนวให้เกาะก็น่าจะทำให้คุณประสบความสำเร็จไปพร้อมกับความสุขที่เรียกว่าสุขจริงๆ ได้ง่ายขึ้น นั่นคือ การใช้หลัก อิทธิบาท 4 ธรรมะแห่งความสำเร็จ
|
|
|
ฉันทะ คือ ความรักงานและพอใจกับงานที่ทำอยู่ ตั้งคำถามกับตัวเองฉันทำงานเพื่ออะไร ฉันมีความสุขหรือไม่ หากงานที่ทำอยู่ไม่ใช่งานที่รัก เราจะได้มีเวลาค้นหาและปรับเปลี่ยนตัวเอง หรือปรับศรัทธาของตัวเองให้เข้ากับงานที่ทำอยู่
|
|
|
วิริยะ คือ ขยันหมั่นเพียรกับงาน งานทุกอย่างต้องอาศัยความขยันหมั่นเพียร ความวิริยะจึงเป็นเครื่องมือหนึ่งที่จะนำคุณไปสู่ความสำเร็จ แต่ก็อย่าเลยเถิดจนถึงขั้นทำงานอย่างเอาเป็นเอาตายล่ะ เพราะกว่าจะสำเร็จคุณอาจจะเดี้ยงเสียก่อน
|
|
|
จิตตะ คือ ความเอาใจใส่รับผิดชอบงาน จิตใจที่จดจ่อกับงานล้วนเกิดผลดีต่องานที่ทำ จิตตะเป็นธรรมะที่แสดงถึงสติ ความรอบคอบและความรับผิดชอบที่จะตามมา จิตตะจึงมีความสำคัญในการทำงานโดยไม่วอกแวกออกไปนอกลู่นอกทาง ดังนั้นเมื่อคุณมีทั้งฉันทะและวิริยะแล้ว จิตตะจะเป็นเสมือนรั้วของเส้นทางที่ไม่ให้ไขว้เขวออกนอกทางสู่ความสำเร็จได้
|
|
|
วิมังสา คือ การพินิจพิเคราะห์ หรือ ความเข้าใจทำ การทำงานด้วยปัญญา การใช้สมองคิด ไม่ใช่สักแต่ว่าทำ เพราะหากเราทำงานบากบั่นเพียงใด แต่ขาดการใช้ปัญญาพิจารณาด้วยแล้ว ผลงานก็อาจจะเกิดความผิดพลาดได้
|
|
|
จะเห็นได้ว่าหลักธรรมะที่ใช้ในการทำงาน เป็นเรื่องใกล้ตัวมาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะทำได้ ต้องอาศัยการฝึกฝน แต่ก็ไม่ยากเกินไปที่จะทำ หากใครได้ลองทำดูแล้วรับรองความสำเร็จไม่ไกลเกินเอื้อม...เชื่อเถอะ คุณทำได้!!!
|
|
|
|